เตรียมพร้อมรับมือ กัญชาเสรี ล่าสุด ! จุดเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในสังคม ที่น่าสนใจ

นโยบายกัญชาเสรี

นโยบายกัญชาเสรี ล่าสุด ส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในสังคมอย่างรวดเร็ว ในหลากหลายด้าน ซึ่งทางที่ดีที่สุด ที่จะป้องกันไม่ให้นำกัญชาไปใช้ในทางที่ผิด หรือเกิดผลข้างเคียงจากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ คือเตรียมพร้อมรับมือด้วยการให้ความรู้ และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง

นโยบายกัญชาเสรี2

ทำความรู้จัก นโยบายกัญชาเสรี ล่าสุด

ตั้งแต่ 19 ก.พ. 62 ที่พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 ประกาศใช้ ส่งผลให้กัญชาทางการแพทย์และการวิจัย ถูกใช้อย่างเสรีมากขึ้น จนมาถึงการปลดล็อกกัญชาเสรี ล่าสุด เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 65 อาจเรียกได้ว่า เสรีมากกว่าหลายประเทศทั่วโลก เพราะไทยได้ถอดทุกส่วนของพืชกัญชา กัญชง (ที่มีสาร THC ไม่เกิน 0.2%) ออกจากรายการสารเสพติดให้โทษ ส่งผลให้กัญชาไม่ใช่สิ่งผิดกฎหมายอีกต่อไป ในขณะที่หลายประเทศ ที่อนุญาตให้ครอบครองกัญชาเพื่อสันทนาการ ยังคงเรียกกัญชาว่า เป็นสารเสพติด โดยมีกฎหมายควบคุมอย่างชัดเจน  

สามารถทำได้

  • สูบกัญชาในพื้นที่ส่วนตัว
  • ครอบครองกัญชา ที่สารสกัด THC ไม่เกิน 0.2% 
  • ปลูกกัญชาใช้เอง หรือทำเชิงพาณิชย์ได้ โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องจำนวน เพียงแต่ต้องแจ้งการปลูก แต่ก็เป็นเพียงแค่การขอความร่วมมือเท่านั้น ไม่ใช่การบังคับ เพราะกฎหมายควบคุมยังไม่แล้วเสร็จ
  • กฎหมายกัญชา อนุญาตให้ขายส่วนของพืชกัญชา และสารสกัด THC ที่ไม่เกิน 0.2% ได้
  • ประกอบอาหารขายได้ แต่ต้องไม่ใช้ช่อดอกหรือยอด โดยให้ใช้ส่วนของเมล็ดกัญชา, น้ำมันจากเมล็ดกัญชง, โปรตีนจากเมล็ดกัญชง, ลำต้น, เส้นใย, กิ่งก้าน, ราก และใบ 

ไม่สามารถทำได้

  • สูบกัญชาในที่สาธารณะ จนกลิ่นควันสร้างความรำคาญ
  • จำหน่ายให้คนที่อายุน้อยกว่า 20 ปี
  • ใช้ประโยชน์และจำหน่ายให้กับหญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร
  • ครอบครองสารสกัดกัญชาที่ THC เกินกว่า 0.2% โดยไม่มีใบอนุญาต
  • นำเข้ากัญชาทั้งต้นจากต่างประเทศ ยกเว้นเมล็ดพันธุ์ 

ต้องขออนุญาต

  • ถ้าจะขายเมล็ดพันธุ์ กิ่งพันธุ์ และต้นกล้า ต้องขออนุญาตตาม พ.ร.บ.พันธุ์พืช
  • การซื้อขายสารสกัดกัญชาที่ THC เกินกว่า 0.2% ต้องมีใบอนุญาตทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย
  • การผลิตและจำหน่าย ยา, อาหาร, ผลิตภัณฑ์สมุนไพร, เครื่องสำอาง จากกัญชงและกัญชา ต้องดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

การเปลี่ยนแปลงในสังคมที่น่าสนใจ

กันโยบายกัญชา

เป็นทางเลือก ที่คุ้มค่าในการรักษา ? 

กัญชาทางการแพทย์ ถือเป็นทางเลือกใหม่ในการรักษา แต่ก็ยังมียาแผนปัจจุบันหลายขนาน ที่สามารถใช้รักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งโรคที่ใช้กัญชารักษาได้ผลดี ยังมีค่อนข้างจำกัด เช่น ภาวะคลื่นไส้อาเจียนจากยาเคมีบำบัด, อาการปวดประสาท, การดูแลแบบประคับประคอง เพราะหลักฐานทางวิชาการยังไม่เพียงพอ ซึ่งต้องระวังการนำความเจ็บป่วยมาอ้าง เพื่อขอรับยาไปใช้ในทางที่ผิดด้วย

ช่วงสุญญากาศ ที่ครอบครองกัญชาได้เต็มที่  

ภาพของต้นกัญชาหน้าบ้าน การค้าขายส่วนของกัญชา สารสกัดกัญชา และอาหารเครื่องดื่มสูตรกัญชา จะกลายเป็นเรื่องปกติ เพราะประกาศปลดล็อกกัญชาเสรีแล้ว ถึงแม้จะระบุว่า อนุญาตให้ครอบครองสารสกัดกัญชาที่ THC ไม่เกิน 0.2% แต่ในความเป็นจริงแล้ว ช่อดอกและใบในกระถางกัญชาแต่ละบ้าน ย่อมมี THC สูงเกิน 0.2% แน่นอน แล้วจะควบคุมเรื่องเหล่านี้ได้รัดกุมมากน้อยเพียงใด ต้องติดตามกันในระยะยาว เพราะกฎหมายกัญชาที่คาดว่าจะใช้ควบคุมประเด็นนี้ ยังคงอยู่ในช่วงดำเนินการ  

ความเสี่ยงในติดสารเสพติดชนิดอื่น

จากกฎหมายกัญชาเสรี ล่าสุดในหลายประเทศ มีการคาดการณ์อัตราการเติบโต ของการนำกัญชามาใช้ในเชิงสันทนาการระหว่างปี 2561 – 2566 อยู่ที่ 38.7% ซึ่งถือว่าเติบโตสูงมาก ส่งผลเพิ่มความเสี่ยงของการเสพติดให้สูงขึ้น จากรายงานของศูนย์ควบคุมโรคติดต่อสหรัฐ (CDC) มีการศึกษาพบว่า การใช้กัญชาเป็นจุดเริ่มต้น ที่จะเพิ่มความเสี่ยงในการใช้สารเสพติดอื่น อย่างโคเคนหรือเฮโรอีน ซึ่งอาจเชื่อมโยงไปสู่อุบัติเหตุจราจร หรือปัญหาอาชญากรรมในอนาคต

สรุป

กฎหมายกัญชาเสรี ล่าสุด เน้นส่งเสริมการใช้กัญชาทางการแพทย์ เพื่อเพิ่มทางเลือกในการรักษาให้กับผู้ป่วย ในขณะเดียวกัน ก็ยังสร้างผลกระทบในอีกหลายด้าน ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนผ่าน ที่สังคมต้องเรียนรู้ไปพร้อมกัน 

 

เรื่องสุขภาพที่น่าสนใจ

แค่รู้จักวิธีกินลดน้ำหนัก

หุ่นดีแน่ ! แค่รู้จักวิธีกินลดน้ำหนัก ลดความอ้วน ด้วยอาหารเพื่อสุขภาพสารพัดรูปแบบ

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังหันมาดูแลสุขภาพ การเริ่มต้นด้วยการควบคุมน้ำหนักตัว และดัชนีมวลกาย (BMI)