การลดน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน นอกจากจะช่วยให้มีหุ่นสวย สุขภาพดีแล้ว ยังช่วยให้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างคล่องตัว และเสริมสร้างความมั่นใจได้อย่างดี ซึ่งหัวใจสำคัญ อยู่ที่การเผาผลาญแคลอรี่ หากเร่งการเผาผลาญได้มาก ก็จะช่วยลดการสะสมของน้ำหนักส่วนเกินให้น้อยลงกว่าเดิม
การเผาผลาญแคลอรี่ คืออะไร ?
การเผาผลาญพลังงานหรือแคลอรี่ในร่างกาย เกิดขึ้นผ่านกระบวนการเมตาบอลิซึม (Metabolism) ซึ่งเป็นปฏิกิริยาชีวเคมี ที่ทำหน้าที่เปลี่ยนอาหารที่ทาน ให้กลายเป็นพลังงาน (ATP) โดยจะทำงานตลอดเวลาแม้ยามหลับ เพื่อให้มีพลังงานขั้นต่ำเพียงพอ (Basal Metabolic Rate, BMR) สำหรับขับเคลื่อนระบบพื้นฐานต่าง ๆ เช่น ระบบหัวใจ, ระบบหายใจ, สร้างภูมิคุ้มกัน, ซ่อมแซมเซลล์ ซึ่งคนที่ต้องการลดความอ้วน ต้องระวังอย่าจำกัดแคลอรี่จนน้อยกว่า BMR เพราะอาจทำให้ร่างกายปรับตัว จนน้ำหนักไม่ยอมลดเลย
ปัจจัยที่ช่วยเร่งการเผาผลาญแคลอรี่
ความสามารถในการเผาผลาญพลังงานของแต่ละคน ขึ้นอยู่กับพันธุกรรมเป็นหลัก ตัวอย่างเช่น บางคนทานเยอะมากแต่ไม่อ้วนเลย ในขณะที่บางคนทานนิดเดียวก็อ้วนแล้ว นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นที่มีผลต่อการเบิร์นด้วย เช่น กิจกรรมในชีวิตประจำวัน, อาหาร, พฤติกรรมการกิน, การออกกำลังกาย ลดความอ้วน ซึ่งถ้าใครมีอัตราการเผาผลาญสูง ก็จะเหลือพลังงานส่วนเกินน้อย โอกาสที่จะมีน้ำหนักเกินก็ยาก แต่ถ้าสังเกตตัวเองแล้วพบว่า มีเมตาบอลิซึมต่ำ ร่างกายเบิร์นไม่ค่อยดี มาลองเรียนรู้เทคนิคการบูสต์เมตาบอลิซึมเหล่านี้ น่าจะช่วยให้รีดน้ำหนักลงง่ายขึ้น
7 เคล็ดลับเบิร์นแคลอรี่ เพื่อหุ่นสวย สุขภาพดีถาวร
เลิกอดอาหาร
เทคนิคสำคัญในการสร้างหุ่นดีแบบถาวร คืออย่าอดอาหารเด็ดขาด เพราะการที่เราทานน้อยลงหรือไม่ทานเลย จะทำให้ร่างกายเข้าใจว่า คุณกำลังตกอยู่ในภาวะขาดอาหาร (Starvation) จึงปรับตัวด้วยการใช้พลังงานน้อยลง คล้ายกับจำศีล ทำให้อดอาหารเท่าไหร่น้ำหนักก็ไม่ลง เพราะฉะนั้นหากต้องการเร่งเบิร์น ก็ต้องทานอย่างน้อยให้พอดี BMR
ทานโปรตีนเพิ่มขึ้น
การทานอาหารจำพวกโปรตีน เช่น เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน, ไข่, นม, ถั่ว, ธัญพืชโฮลเกรน จะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญแคลอรี่เพิ่มขึ้น เพราะนอกจากโปรตีนจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ที่เป็นแหล่งเบิร์นพลังงานชั้นดีแล้ว การเผาผลาญโปรตีนยังใช้พลังงานสูงถึง 30% เมื่อเทียบกับคาร์โบไฮเดรตและไขมัน ที่ใช้เพียง 5 – 10% และ 0 – 3% เท่านั้น
เติมความเผ็ดให้ชีวิต
รสชาติเผ็ดของพริกเกิดจากสารแคปไซซิน (Capsaicin) ซึ่งนอกจากจะช่วยเผาผลาญพลังงานได้เพิ่มขึ้น อย่างน้อยมื้อละ 10 แคลอรี่แล้ว ยังช่วยบูสต์ระบบเมตาบอลิซึมให้ทำงานสมบูรณ์ขึ้นด้วย
จิบชากาแฟระหว่างวัน

ข้อมูลจากหลากหลายงานวิจัยแสดงให้เห็นว่า การดื่มชาและกาแฟ จะช่วยกระตุ้นการ เบิร์นแคลอรี่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการเผาผลาญไขมัน และยังช่วยปรับสมดุลระบบเผาผลาญ ช่วงหลังจากลดน้ำหนักให้ดีขึ้นด้วย
ดื่มน้ำอย่างเพียงพอ
มีการศึกษาพบว่า การดื่มน้ำเพิ่มขึ้นวันละ 500 มิลลิลิตร จะช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญได้ถึง 30% โดยเฉพาะในช่วง 30 – 40 นาทีหลังดื่มน้ำ และหากดื่มน้ำเพิ่มวันละ 1.5 ลิตร จะช่วยลดปริมาณเนื้อเยื่อไขมันได้มากกว่า 2.4 กิโลกรัมใน 1 ปี
พักผ่อนให้เต็มที่
เพราะถ้านอนน้อยกว่า 7 – 9 ชั่วโมง จะทำให้ระบบการเผาผลาญแย่ลง ฮอร์โมนเกรลิน (Ghrelin) ที่ควบคุมความหิวจะหลั่งมากขึ้น รวมทั้งเกิดภาวะดื้ออินซูลิน แปลว่านอกจากน้ำหนักตัวจะเพิ่มขึ้นแล้ว ยังเสี่ยงต่อเบาหวานด้วย
เวทเทรนนิ่งสร้างกล้ามเนื้อ
การออกกำลังกาย ลดความอ้วนด้วยเวทเทรนนิ่ง จะช่วยสร้างกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น และสลายไขมันให้น้อยลง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเมตาบอลิซึมได้อย่างดี
สรุป
หากเราสามารถเร่งการเผาผลาญแคลอรี่ได้ จะช่วยให้การลดน้ำหนักทำได้ง่ายขึ้น ยั่งยืนขึ้น เพียงเริ่มจากการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน อย่างการกิน, การนอน, การออกกำลังกาย เท่านี้ก็มีสุขภาพดี หุ่นเฟิร์มได้ไม่ยากเลย